ทำไม Wi-Fi ช้าจัง ?
เป็นคำถามที่ผมถูกถามบ่อยมาก เป็นคำถามที่ตอบยาก เพราะไม่รู้สภาพแวดล้อมที่ใช้งาน ไม่รู้สถานที่ติดตั้ง ไม่รู้ Client (มือถือ หรือ Notebook) ที่ใช้งาน ไม่รู้ Access Point (AP) เป็นอันว่าผมไม่ตอบว่าทำไมช้า แต่ขอแนะนำว่าทำยังไงให้เร็วWi-Fi ที่ควรรู้
- Wi-Fi ใช้ความถี่วิทยุได้ 2 ย่านความถี่ 2.4 GHz (b/g/n) และย่านความถี่ 5GHz (a/n/ac) แนวโน้มต่อไป Wi-Fi จะพัฒนาบนความถี่ 5GHz
- ความถี่ย่าน 2.4 GHz และ 5 GHz ทุกคนสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจาก กสทช. แต่ต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดสำคัญ เช่น กำลังส่ง 100mW ที่ 2.4GHz และ 200mW-1000mW ที่ความถี่ 5GHz เป็นต้น
- ความเร็วระดับ Raw Bitrate ของ Wi-Fi ขึ้นกับการความสามารถในการ Modulation และ Coding ที่ถูกกำกับด้วย MCS Index ดูที่นี่ อุปกรณ์ Wi-Fi AP และ Client จะปรับ Index ขึ้นลงอัตโนมัติตามคุณภาพสัญญาณ แต่ที่สำคัญ Bandwidth ที่ใช้งานได้จริงต่ำกว่าค่านี้เสมอ และยังเป็นค่าสูงสุดที่ทุก Client สามารถใช้ได้รวมกัน
- สัญญาณรบกวนทำให้ความเร็ว Wi-Fi ลดลง หากไม่มีสัญญาณรบกวนย่าน 2.4GHz ส่งได้ไกลกว่า 5GHz แต่ในพื้นที่ชุมชนความถี่ 2.4GHz มักถูกรบกวนมากกว่าย่าน 5GHz
- Wi-Fi Alliance กำหนดให้ Wi-Fi n Access Point ต้องมี MIMO เสมอ(อย่างน้อย 2 spatial stream) มักนับที่จำนวนเสา ท่านสามารถตรวจสอบใบรับรองได้จาก Wi-Fi Alliance
ทำ Wi-Fi ให้ได้คุณภาพ
ไม่อยากใช้คำว่า ความเร็ว แต่ขอใช้คำว่าคุณภาพ ที่ใช้ได้อย่างเหมาะสมไม่มีปัญหา เน้นการใช้งานในบ้าน
- หากอยู่ในพื้นที่ที่มีการใช้งานจำนวนมาก ให้ใช้ความถี่ 5GHz แทน 2.4GHz วิธีนี้ง่ายสุดแต่ข้อจำกัดอยู่ที่ Client จะสามารถใช้ 5GHz ได้หรือไม่
- เลือก Access Point ที่เป็น Dual Band ใช้ได้ทั้ง 2.4GHz และ 5GHz
- หากเป็นไปได้ ตั้งให้ AP ทำงานที่มาตรฐาน Wi-Fi n หาก AP เป็น 2.4 GHz มีข้อจำกัดที่อุปกรณ์ Wi-Fi b/g จะใช้ไม่ได้
- หากใช้ 2.4GHz AP ให้ตั้งค่าความกว้างของ Spectrum เป็น 20MHz เมื่ออยู่ในพื้นที่การใช้งานหนาแน่น จะได้เสถียรภาพที่ดีกว่า แต่ความเร็วลดลง
- หากใช้ Wi-Fi n 5GHz AP ตั้งความกว้าง Spectrum เป็น 40MHz จะได้ความเร็วสูงสุด
- ให้ตั้งค่าความปลอดภัยใหม่ อย่าใช้ Default ที่มากับ AP เด็ดขาด
- เลือกจุดติดตั้ง AP ที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง ความถี่ยิ่งสูงยิ่งถูกขวางได้ง่าย ความถี่ 5GHz จึงใช้งานได้ใกล้กว่า 2.4GHz
- การเพิ่มกำลังส่ง หรือ การเพิ่มความไวการรับของ AP อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีคนใช้งานจำนวนมาก
- ไม่ใช่แค่คุณภาพของ AP เท่านั้น คุณภาพของ Client ก็มีผลต่อความเร็วของ Wi-Fi ด้วยเช่นกัน Client แต่ละเครื่องมีความสามารถด้าน Wi-Fi แตกต่างกันและหลากหลายมาก
- สุดท้าย หากคุณใช้ Smartphone ที่ใช้ความถี่ย่าน 2.4GHz และ 5GHz และคุณต้องการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลา แนะนำให้เปิดการทำงานเฉพาะ 5GHz เท่านั้น
เปรียบเทียบ 2.4GHz และ 5GHz Wi-Fi
เป็นการทดสอบง่ายๆ โดยอุปกรณ์ AP เป็น Dual Band ใช้ความถี่ทั้ง 2.4GHz และ 5GHz ใช้ SSID เดียวกัน, Hardware เดียวกัน อยู่ในพื้นที่การใช้งานหนาแน่น ทั้งหมดทำงานบนมาตรฐาน Wi-Fi n
เมื่อบังคับให้ Smartphone ทำงานบนความถี่ 5GHz ความเร็วจะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าภายใต้สภาพแวดล้อมเดียวกัน
![]() |
ทดสอบความเร็วเมื่อใช้ความถี่ 2.4GHz |
![]() |
บังคับให้ Wi-Fi บน smartphone ทำงานทำงานที่ 5GHz เท่านั้น |
![]() |
ทดสอบความเร็วเมื่อใช้ Wi-Fi ความถี่ 5GHz |
มีแค่ 2.4GHz ทั้ง AP และ Client ทำไงดี?
จะบอกว่าทำใจ ก็ดูเหมือนจะแรงไป หากท่านอยู่ในพื้นที่ที่การใช้งาน Wi-Fi ไม่หนาแน่นนักก็ไม่น่าห่วงอะไร อย่างไรก็ดีสิ่งที่ควรทำมีดังนี้
- ติดตั้ง AP ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ร้อนไม่ชื้น ไม่มีสิ่งกีดขวางระหว่าง AP กับ Client
- แก้ไขความข้อกำหนดเรื่องความปลอดภัย อย่าใช้ Default Config
- หลีกเลี่ยงการ Wi-Fi b ดีที่สุดควรตั้งค่า AP ให้เป็น Wi-Fi n เพียงอย่างเดียว หรือไม่ก็ Wi-Fi g/n เท่านั้น
- หากต้องการความเร็วให้ใช้ Spectrum 40MHz หากต้องการเสถียรภาพให้ใช้ 20MHz
- หากมีกำแพงหรือผนังกั้นระหว่าง AP กับ Client เกิน 1 ชั้น ควรเพิ่ม AP แทนการเพิ่มความแรงของสัญญาณ
- หากทำทุกอย่างแล้วยังไม่พอใจ แนะนำ 5GHz Wi-Fi
แต่ละคนมีความต้องการไม่เหมือนกันบางคนแค่พอใช้ได้ บางคนต้องดีเยี่ยม แต่ละที่มีสภาพแวดล้อมไม่เหมือนกัน บ้านชั้นเดียว หรืออาคารพานิชย์ ใช้แค่ web หรือ video ล้วนแต่ต้องการ network ที่ต่างกัน ที่ว่ามาน่าจะพอใช้ได้กับผู้ใช้งานส่วนใหญ่ทั่วๆไป